มันไม่มีหรอกโอกาสที่ลอยมาเอง ต้องขวนขวาย นั้นคือต้องอ่านหนังสือ หรืออ่านบทความต่างๆ สมัยก่อนผมขึ้นเครื่องบินปุ๊บ ผมขออ่านหนังสือพิมพ์แมกกาซีนต่างๆผมพยายามตามโลกไปถึงไหนแล้ว แล้วไปค้นบทความต่างๆ สมัยนี้ มี Google เราสามารถเข้ามาหาความรู้ใหม่ๆ เพราะฉะนั้นวันนี้ขยันนั่งหน้าจอ และค้นหา เราสนใจเรื่องอะไร ค้นจนเรารู้ว่าตัวเองชอบอะไร และเอาจริงเอาจังกับมัน เราก็จะได้รู้ อย่างผม ผมไม่ได้เรียนวิศวกร ผมเรียนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาแต่ว่าผมชอบงานด้านวิศวกร ผมก็เรียนรู้จากเด็ก เรียนรู้จากการไป Exhibition มีนิทรรศการต่างๆ ผมไปดู ไปนั่งฟัง ด่ากันไปมา ยี่ห้อหนึ่งด่ายี่ห้อหนึ่ง เราก็เลยเข้าใจว่าเป็นอย่างไร แล้วก็ไปพบปะผู้คน พูดคุยกับผู้คน อย่างที่ผมบอก เราเรียนมาได้หนึ่ง แต่มีคนเรียนมาอีกร้อย มาเล่าให้เราฟัง เราก็ได้ความรู้ ร้อยกับหนึ่ง ถึงแม้จะไม่เท่าเขาแต่ละคน แต่เราก็รู้มากขึ้น กว้างขึ้น เพราะฉะนั้นวันนี้ ถ้าอยากเปิดโลกทัศน์ตัวเอง ต้องอ่าน ต้องคุย ต้องติดตาม ไปดู Exhibition บ้าง เข้าเว็บไซต์ ดูบริษัทต่างๆทำอะไรบ้าง เราจะได้เข้าใจ ต้องขยันขวนขวาย อย่าขี้เกียจ อย่าใช้สมองน้อย ต้องใช้สมองเยอะๆ มันจะเห็นเอง ค่อยๆ เห็น อย่าง DNA Nuge มีสองหลักที่ผมรู้ คือ ผมเข้าใจระบบของการแปลงสัญญาณ Digital เป็น Analog และ Analog เป็น Digital และคนที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้งกับผมมีสามคน คนแรกคือ โปรเฟชเซอร์ คริส อีกคนคือ โปรเฟชเซอร์ มาเรีย โปรเฟชเซอร์ มาเรีย เก่งทาง Biology ทาง DNA โปรเฟชเซอร์ คริส เก่งทาง Telecommunication การแปลงสัญญาณทั้งหลาย และเขากับผมมักจะถกเถียงเรื่องการแปลงสัญญาณ มาตั้งแต่รู้จักกันใหม่ๆ และอยู่ๆ เขาก็เอาตรงนี้ มาคุยกับผม ผมก็บอกว่าผมไม่แน่ใจนะ มันจะเป็นที่นิยมรึเปล่า ผมก็เลยจ้างบริษัท KPMG มา Survey ให้ผม ผมออกเงินเอง พอ Survey แล้วมันออกมาดีกว่าที่คาดเยอะ ผมเลยขอลงทุนด้วย ก็เลยลงทุนกันตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา คือ ต้องศึกษา และต้องชอบ แต่อย่าชอบไปจนหลง คือชอบเพื่อจะศึกษาต่อ ผมคิดว่าเราอยากรู้เรื่องใหม่ๆ ก็ต้องอ่านหนังสือ สนใจเรื่องอะไรก็อ่านเยอะหน่อย ถ้ายังไม่สนใจเรื่องอะไรก็ Skip ผ่านไป แล้วในที่สุดสมองเราก็จะเริ่ม Process อันนั้นก็ดี อันนี้ก็ชอบ ค้นหาตัวเองให้เจอว่าชอบอะไร จะได้ทำในสิ่งนั้น ทำในสิ่งที่ชอบแล้วเราจะชอบในสิ่งที่ทำ