ทักษิณอ่านอะไรใน 15 ปีก่อน

Share on facebook
Share on twitter

       แม้โทรศัพท์มือถือเป็นทางเลือกของการอ่านในยุคนี้  แต่สำหรับ ดร.ทักษิณ แล้ว การอ่านหนังสือคือกิจกรรมสุดโปรดที่เขาสามารถใช้เวลาอยู่กับมันได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ 

“หนังสือที่เราอ่านสามารถสะท้อนความตัวตนของผู้อ่านได้ดี”  เป็นวลีที่ยังใช้ได้กับทุกคนเสมอ เช่นเดียวกับ ดร.ทักษิณ ตัวตนของเขาในอดีตจนมาถึงปัจจุบัน ยังมองการอ่านเป็นเรื่องที่สำคัญและกลายเป็นกิจวัตรประจำวันที่เป็นเรื่องปกติสำหรับเขาไปแล้ว

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2545 หลังจากที่ ดร.ทักษิณ  ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เกือบทุกครั้งที่มีการประชุมคณะรัฐมนตรีในช่วงเช้า  ก่อนที่จะมีการประชุมตามวาระปกติ เขาจะแนะนำหนังสือหลายเล่มให้คณะรัฐมนตรีอ่าน  เพื่อเป็นการเปิดโลก เปิดสมองรับสิ่งใหม่ให้กับทีมงานของเขาที่ได้ทำงานร่วมกัน ได้พูดในเรื่องเดียวกัน เข้าใจกัน และมีแนวคิดไปในทางเดียวกันได้  ซึ่งหนังสือที่เขาแนะนำให้คณะรัฐมนตรีและคนรอบตัวอ่าน สะท้อนทั้งตัวตนของเขา และยังเปิดมุมมองการทำงานของคณะรัฐมนตรีให้กว้างขึ้นกว่าเอกสารในแฟ้มเล่มหนาที่วางอยู่ตรงหน้า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 กันยายน ปี 2545  เขาได้แนะนำหนังสือเรื่อง “As The Future Catches You เมื่ออนาคตไล่ล่าคุณ”   เขียนโดย ฮวน เอ็นริเก้ หนังสือเล่มนี้สร้างความฮือฮาให้กับนักอ่านเป็นอย่างมาก  จนสำนักพิมพ์ในประเทศไทยต้องนำมาแปลออกวางจำหน่าย

เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับการพัฒนาที่มุ่งไปสู่อนาคตที่รวดเร็ว  ชี้ให้เห็นถึงพัฒนาการของเทคโนโลยี 3 อย่างที่ครอบงำโลกอยู่และหลายคนไม่รู้ตัว คือ ดิจิทัล เทคโนโลยี, จีโนมมิกส์ และนาโน เทคโนโลยี เทคโนโลยีทั้งสามมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของการดำรงอยู่ของมนุษย์ในทศวรรษนั้น   รวมถึงส่งผลต่อธุรกิจต่าง ๆ ดังนั้นปัจจัยที่จะมีผลต่อความมั่นคงและมั่งคั่งของประเทศจึงมีมากกว่าเรื่องการศึกษา , ประชาธิปไตย  , ความสามารถในการแข่งขัน และการเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจให้ผู้คน แต่ยังประกอบไปด้วยเทคโนโลยีอีกด้วย 

การแนะนำหนังสือเล่มนั้นในตอนนั้นสร้างข้อสงสัยให้กับผู้เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นอย่างมาก  เพราะในขณะนั้นปัญหาของประเทศที่มีอยู่ยังต้องแก้ไขมีหลายประเด็น ขณะที่การพัฒนาตัวเอง การพัฒนาการทำงานกับคนรอบข้าง  และการพัฒนาประเทศนั้นยังต้องทำควบคู่กันไปด้วย เพราะมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

“ผมมองว่าเราไม่ควรหยุดอยู่แค่วันนี้  ปัจจุบันและอดีตสำคัญมาก แต่ที่สำคัญกว่าคืออนาคต  เราจะอยู่อย่างไรหากอนาคตมาอยู่ตรงหน้าแล้วคุณถอยหลังไม่ก้าวเข้าไปชนกับมัน  เราทำได้ แค่เราเตรียมพร้อม”

นอกจากนี้เขายังได้แนะนำหนังสือ  “Execution : The Discipline of Getting Things Done”  โดย แลรี่ แบสซิดี้ และแรม ชารัน ให้กับที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้อ่านอีกครั้งเพื่อให้ทุกคนได้รู้ว่า การอ่านหนังสือเหล่านี้ แม้จะเป็นหนังสือทางธุรกิจ  ก็นำมาประยุกต์ใช้กับการทำงาน เป็นการนำเอาสิ่งที่คิดไปปฏิบัติให้เป็นความจริง  

“เป็นหน้าที่ของ CEO  ส่วนราชการ นำแนวทางของหนังสือที่อ่านแต่ละเล่ม  วางเป้าหมายและทำทุกอย่างให้ถึงเป้าหมาย ทำงานให้สำเร็จ  ถือเป็นหัวใจของการทำงานที่แท้จริง”

ในวันคล้ายวันเกิดของเขา ปี 2546 วันที่ผู้คนทั่วประเทศร่วมแสดงความยินดีกับนายกฯคนนี้  แต่เขายังไม่ลืมที่จะแนะนำหนังสือน่าอ่านให้กับคนที่มาร่วมงานวันคล้ายวันเกิดในวันนั้นได้อ่าน  รวม 4 เล่มด้วยกัน ทั้ง “Rethinking the Future” หนังสือที่รวบรวมแนวคิดของกูรูดังของโลกอย่างไมเคิล พอร์เตอร์, ฟิลิป คอตเลอร์ , “Future of Asia  อนาคตของเอเชีย” , “ทักษิณ ชินวัตร จากคนตัวใหญ่สู่ใจดวงน้อย” หนังสือที่เขียนขึ้นจากประสบการณ์ตรงในวัยเด็กและวิสัยทัศน์ของ ดร.ทักษิณ ทั้งเรื่องการศึกษา ครอบครัว และมุมมองต่อเยาวชน รวมถึงการตอบคำถามเด็ก ๆ ในชื่อ “คุณลุงทักษิณ ไขปัญหา”   

“ให้อ่านให้ครบ เพื่อปรับกระบวนความคิดให้ทันกระแสโลก โดยต้องอ่าน Rethinking the Future เป็นเล่มแรก  เพราะคำว่า Rethinking เป็นที่มาของสโลแกนพรรคที่ว่า “คิดใหม่ ทำใหม่” โดยหนังสือเล่มนี้จะช่วยปรับกระบวนทัศน์ทางความคิดทุกมิติ เพื่อให้เข้าใจว่า โลกเปลี่ยน กระบวนทัศน์ทางความคิดก็ต้องเปลี่ยนไป  หนังสือเล่มนี้จะทำให้รู้ว่า เรื่องใดที่คิดเก่าก็ต้องคิดใหม่ แต่ถ้ายังกระแทกความคิดไม่ได้ ต้องเอาเล่มที่สองคือ As the Future Catches you” 

หนังสือที่ ดร.ทักษิณ  แนะนำให้ทุกคนอ่านยังมีอีกหลายเล่มเพื่อใช้ในการพัฒนาตัวเอง มีทั้ง  “The Mystery of Capital” โดย เฮอร์นันโด เดอ โซโต อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่มีเนื้อหาที่มีอิทธิพลต่อนโยบายแปลงสินทรัพย์เป็นทุน

“Lateral Thinking”  โดย เดอ โบโน เนื้อที่เกี่ยวกับการคิดออกนอกกรอบ ไม่ยึดติดกับกรอบจนกลายเป็นอุปสรรคการทำงาน 

 “Business@The Speed of  Thougth” โดยบิล เกตส์ ที่ช่วยฝึกการเลือกใช้ข้อมูล การกระตุ้นให้ทุกฝ่ายตระหนักให้สร้างความสามารถเชิงการแข่งขัน “The New Leaders”  โดยแดเนียล โกลแมน ผู้เขียนที่ทำให้โลกรู้จักคำว่าอีคิว และในระหว่างที่ประชุมคณะรัฐมนตรี  ช่วงกลางปี 2546 ดร.ทักษิณ แนะนำหนังสือน่าอ่านอย่าง  “What the Best CEOs Know : 7 Exceptional Leaders and Their Lessons for Transforming any Business”  เขียนโดย เจฟฟรี เอ แครมส์ ในวาระการประชุมเรื่องผู้ว่าฯ ซีอีโอ ซึ่งถือว่า ดร.ทักษิณ เป็นคนแรกในประเทศ  ที่แนะนำคำว่า Transform ให้คนไทยได้รู้จัก เมื่อ 15 ปีมาแล้ว จากหนังสือเล่มนี้ และสิ่งที่เขาชื่นชอบและศึกษามาโดยตลอดคือเรื่องราวเกี่ยวกับนาโนเทคโนโลยี ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่พลาดที่จะอ่านและแนะนำหนังสือเรื่อง “Nano Custom”  หนังสือที่มีเนื้อหาว่าด้วยเรื่องที่เกี่ยวกับนาโนเทคโนโลยี ให้คณะรัฐมนตรีได้อ่าน

“Nano Custom เป็นเรื่องที่น่าติดตาม เพราะถือเป็นสิ่งอำนวยประโยชน์มหาศาลให้มนุษย์  เพราะช่วยย่อยข้อมูลจากห้องสมุดใหญ่ ๆ มาอยู่ในพื้นที่ 1 ตารางเซนติเมตร เป็นเทคโนโลยีระดับสูงที่ควรศึกษา” 

13 สิงหาคม 2546  ดร.ทักษิณ แนะนำหนังสือ “ IT Alive”  โดยคริสโตเฟอร์ เมเยอร์ หนังสือที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งหมายถึงการทำนายอนาคตของเทคโนโลยีในปี 2556  เนื้อหาเกี่ยวกับการบริหารเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ทุกอย่างเปรียบเสมือนสิ่งมีชีวิต ดังนั้นต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่ทันสมัย เขาไม่ได้อ่านเฉพาะหนังสือที่มีเนื้อหาล้ำยุคหรือหนังสือเกี่ยวกับการพัฒนาตัวเองเท่านั้น  ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2546 หนังสือ “พุทธทาสทางการเมือง” คืออีกเล่มที่เขาแนะนำ   โดยหนังสือเล่มนี้ เขาเป็นคนเขียนเองเมื่อครั้งที่ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย  

“ได้ศึกษาธรรมะจากหนังสือของท่านพุทธทาสแล้วเห็นว่า เป็นหลักปรัชญาชั้นสูง จะทำความเข้าใจได้ยาก  แต่ถ้าเข้าใจแล้วนำมาปฏิบัติจะเป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิต เปลี่ยนแปลงการดำรงชีวิตได้เป็นอย่างมาก ทำให้ปล่อยวางเรื่องต่าง ๆ ได้มาก  การปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีที่จะต้องเผชิญปัญหาต่าง ๆ มากมาย คงไม่ลุล่วงมาได้ถึงทุกวันนี้”  

เพียงแค่ 2 ปีนับตั้งแต่เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณ แนะนำหนังสือที่เกี่ยวกับการพัฒนาตัวเองในหลายแง่มุม โดยเน้นหนักในเรื่องของการเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี และการเปิดใจรับสิ่งใหม่ ๆ ให้ทุกคนในรัฐบาลได้คิดใหม่ ทำใหม่  ไม่ยึดติดกับกรอบเดิมๆ และให้เอาหลักคิดด้านศาสนามาปรับใช้ได้พร้อมกันอย่างชาญฉลาด  

ดร.ทักษิณ เป็นคนแรกที่ทำให้คนไทยรู้จักคำว่า Transform และ Disrupt  ที่จะเกิดขึ้นในอีก 20 ปีข้างหน้า นี่คือความคิดใหม่ที่ไม่เคยหยุดนิ่งของเขาที่ไม่หยุดพัฒนาตัวเองผ่านหนังสือจากทั่วโลก  

Share on facebook
Share on twitter