คนไทยควรมีเพิ่มทักษะเรื่องอะไรเพื่อใช้สำหรับการทำงานในโลกอนาคต

Share on facebook
Share on twitter

Highlight

การแก้ปัญหา การบริหารจัดการตนเอง การทำงานร่วมกับผู้อื่น และทักษะทางเทคโนโลยี   คือทักษะสำคัญในการทำงาน นอกจากมีความรู้จากเรื่องที่เรียนแล้ว ต้องมีความรอบรู้ ด้านอื่นๆซึ่งได้จากการอ่านเพิ่มเติม หรือเรียนเพิ่มเติม ที่เรียกว่า Lifelong Learning

Transcript

วันนี้มี Top ten skills ในปี 2025 จาก World economic forum ยาวมาก แต่เขา Grouping ออกมาแล้วว่า มี Skill ที่คนต้องการคือ Problem solving การแก้ปัญหา Skill ที่สองคือ Self-Management การบริหารจัดการตัวเอง Skill ที่สาม working with people ทำงานร่วมกับผู้อื่น และ Skill ที่สี่ Technology youth and development สามสกิลแรก สายศิลป์ทั้งนั้น ทั้งหมดนี้นอกจากมีความรู้แล้ว ต้องมีความรอบรู้ ความรู้คือสิ่งที่เรียนมาจากห้องเรียน และความรอบรู้ คือสิ่งที่เรียนหลังจากที่จบแล้ว ไปเรียนเพิ่มเติม ไปอ่านหนังสือเพิ่มเติม และไปหาประสบการณ์เพิ่มเติม เพื่อให้เกิดความสามารถที่จะเป็น Leadership มีภาวะผู้นำ แล้วก็เข้าใจปัญหา รู้จักตัดสินใจ รู้จักวิธีแก้ปัญหา เพราะฉะนั้นคุณจะเรียนจบอะไรมาก็ช่าง ที่เรียนจบมาก็เป็นแค่พื้นฐานของการเรียนจบ แต่ว่าไม่ใช่จบการเรียน เรียนจบแต่ไม่จบการเรียน เพราะเป็นเรื่องของการ Lifelong Learning ที่ผมเคยพูด ก็คือต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต เมื่อเรียนจบมาแล้วสายศิลป์ สายวิทย์ ก็ช่างเถอะ ต้องอ่านหนังสือเพิ่มเติม อ่านในเรื่องที่สนใจ เรื่องที่ชอบ แล้วพยายามทำความเข้าใจกับมันให้ดีที่สุด และเราก็จะสามารถดำรงตัวเองอยู่ได้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นนักเทคโนโลยี สกิลทั้งหมดที่แบ่งเป็นสี่กลุ่ม สกิลสุดท้าย คือเรื่องเทคโนโลยี ผมได้อ่านหลายบทความ แต่มีบทความอันหนึ่งที่พูดถึงเรื่อง ไม่จำเป็นต้องจบปริญญา แต่ก็หางานดีๆ ได้ เขาบอกว่า Top ten ของงานที่โตมากที่สุด ไม่จำเป็นต้องจบปริญญาตรี และเงินดีด้วย อย่างเช่น ไปเป็นช่างกังหันลม กังหันลมตอนนี้กำลังฮิต ในยุโรปมีเยอะมาก และเรื่องของโซล่า จบแค่ High school เขาก็รับทำงาน เพราะไปเรียนรู้เอาตอนทำงาน เหมือนกับ Apprenticeships ที่ลูกของโทนี แบลร์ ทำแอปพลิเคชัน นี้ขึ้นมา คล้ายๆ กัน ต่างประเทศเงินเดือนเยอะ Wind energy ปีหนึ่งโตถึงหกสิบกว่าเปอร์เซ็น และ Solar energy โตปีละห้าสิบกว่าเปอร์เซ็น และด้าน Therapy ก็เรียนแค่จบอนุปริญญา เรียนพวกบำบัดรักษา และมีงานอีกเยอะมากในต่างประเทศ ไม่จบเป็นต้องจบปริญญาหรือจบปริญญา ถึงแม้จะจบสายศิลป์ก็ไม่เป็นไร แต่สายวิทย์ที่ผมบอก สายวิทย์มันมีที่ไปเยอะ ทำให้เป็นคนเก่ง มีโอกาส รวยมหาศาลได้ อย่างเช่นสองพี่น้องที่หัดเขียนโปรแกรมตั้งแต่อายุสิบขวบ ผมบอกได้เลยว่าการศึกษาต่อไป ต้องจับเด็กเขียนโปรแกรมตั้งแต่อายุน้อยๆ ไม่ใช่มานั่งท่องอาขยาน มายืนหน้าเสาธง มันต้องเปลี่ยนใหม่ ให้เด็กคิด ให้ใช้สมอง ตั้งแต่เด็กๆ จะได้เก่ง ผมคิดว่าเรียนสายอะไรก็ได้ที่ถนัด แต่ถ้าถนัดคณิตศาสตร์ จะมีหัวในการคำนวณ วิเคราะห์เก่ง เพราะการเรียนคณิตศาสตร์ทำให้เราเป็นนักวิเคราะห์ได้ดี คิดตัวเลขเอามาโยงตรงนู้น ตรงนี้ สามารถจินตนาการไปข้างหน้าได้ดีกว่า ผมจบทางด้านกระบวนการยุติธรรมทางอาญามา ถึงแม้ผมจะเป็นคนไม่ได้รับความยุติธรรมทางอาญามากที่สุด แต่เป็นดอกเตอร์ทางนี้ ผมอ่านออกหมด ใครตัดสินผมอย่างไร ผมรู้หมด ผมเรียนมา ทีนี้ผมมาทำมาหากินทางดาวเทียม โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ ได้อย่างไรล่ะ ถ้าผมไม่ไปเรียนรู้เพิ่มเติม เรียนรู้จากการอ่านหนังสือ จากการคุยกับผู้คน จากการไปดูนิทรรศการต่างๆ และผมก็เรียนรู้ ผมมีหัวทางธุรกิจ ก็เอาเทคโนโลยี มาปรับใช้ มาจะเกิดประโยชน์อย่างไร จะเอามาทำมาหากินอย่างไร ก็เป็นลักษณะอย่างนั้น เพราะฉะนั้นต้องเรียนรู้ต่อไป ทุกวันนี้ผมยังอ่านหนังสือเยอะอยู่เลย และอ่านบทความเยอะมาก แม้กระทั่งบทความของแอสตร้าเซเนก้า ที่กำลังจะทำยาเม็ดออกมาขาย ผมตามหมด