รัฐบาลต้องพร้อมปรับตัวกับทุกสถานการณ์ การใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง ต้องรณรงค์อย่างต่อเนื่อง และควรเตรียมสำรองวัคซีนที่มีคุณภาพ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจพร้อมใช้ชีวิตอย่าง New Normal
ให้ความรู้กับประชาชนอย่าทำให้ตกใจ คือให้ประชาชนระมัดระวัง ใส่หน้ากาก แล้วก็ต้องฉีดวัคซีน ใครไม่ฉีดไปฉีด ใครฉีดแล้วก็ตรวจภูมิดู ถ้าภูมิยังต่ำก็ไปฉีดเข็มที่ 3 ได้แล้ว แล้วก็รักษาระยะห่างเวลาไปไหน สวมหน้ากากไว้ และร้านค้าต้องประกาศว่าไม่ให้รับเกินคนที่เท่าไหร่ เพราะจะหนาแน่น เบียดเสียดเกินไป ต้องมีกติกาที่ชัดเจน ทุกคนก็จะได้ทำหน้าที่ตรงนี้ไป แล้วสุดท้ายก็ไม่ต้องเป็นเรื่องที่ต้องกังวลเลย แต่ปฏิบัติให้ถูกต้องแค่นั้นเอง แล้วรัฐบาลก็รีบเตรียมการในเรื่องของยา วัคซีนให้คนมั่นใจ นอกจากนี้แล้วความปกติใหม่หรือ new normal วิธีการทำมาหากินมันเปลี่ยนไปเยอะ เพราะฉะนั้นต้องศึกษาแล้วต้องตาม เพราะแต่ละประเทศก็อาจจะต่างกันไป ยกตัวอย่างที่ UAE เดิมทีเขาหยุดวันศุกร์กับเสาร์ วันอาทิตย์เป็นวันทำงานวันแรก เพราะว่าวันศุกร์เนี่ยจะเป็นวันที่เขาเข้าไปละหมาดช่วงบ่าย วันนี้เขาเปลี่ยนใหม่ตั้งแต่ 1 มกราคมเป็นต้นไป UAE วันศุกร์ทำงาน 7 โมงครึ่งเช่าถึงเที่ยง บ่ายก็ยังรักษาเรื่องของศาสนาเขาได้ วันเสาร์อาทิตย์ หยุด คือเพิ่มเวลาชั่วโมงทำงานวันศุกร์จาก 8 โมงครึ่งเป็น 7 โมงครึ่ง ขึ้นมาอีกชม.นึง แล้วก็ตัดเวลาตอนบ่าย ปกติกินข้าวเที่ยงก็หายไปแล้วบ่าย 2 อะไรแบบนี้นะถ้าพูดถึงทั่วไป เขาก็ตัดเวลาเที่ยงกินข้าว แล้วบ่ายไปละหมาด ฉะนั้นเรื่องศาสนาก็ยังปกติ แล้วหยุดเสาร์อาทิตย์ให้เป็นสากล เริ่มตั้งแต่ 1 มกรา เห็นไหมว่า ทุกประเทศเขารู้จักปรับตัว เพื่อเศรษฐกิจเพื่อชาวบ้าน เพื่อประชาชนเขา วันนี้เราจะต้องยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง เราถึงจะได้เข้าใจว่าจะต้องปรับตัวเพื่อประชาชนยังไง เราจะให้ความรู้ประชาชนยังไง เราจะป้องกันอย่างไร ถ้ามันมีอะไรพิเศษขึ้นมาประชาชนมีที่พึ่ง วัคซีนพร้อม ยาพร้อม โรงพยาบาลพร้อม อย่างนี้เขาสบายใจเขาก็ทำงานปกติได้
