DNA Nudge เทคโนโลยีสุขภาพเพื่อชีวิตที่ดีสู่อนาคต

Share on facebook
Share on twitter

ดร.ทักษิณ เป็นหนึ่งในผู้นำประเทศไม่กี่คนที่เห็นความสำคัญของเทคโนโลยีอย่างจริงจัง แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือดร.ทักษิณ อาจเป็นผู้นำเพียงคนเดียวที่เห็นว่าเทคโนโลยีมีพลังผลักดันให้สังคมเปลี่ยนแปลงมหาศาล  การทำความเข้าใจความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีเพื่อปรับตัวให้เท่าทันจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น

ดร.ทักษิณ ยอมรับว่าชอบเทคโนโลยี การทำงานของ ดร.ทักษิณ จึงมักใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงเสมอ ดร.ทักษิณ ในฐานะนักธุรกิจสะสมทุนจากอุตสาหกรรมโทรคมนาคมและข้อมูลข่าวสารซึ่งเป็นเรื่องใหม่ในยุคนั้น ส่วนดร.ทักษิณ ในฐานะนายกก็บุกเบิกให้ประเทศนี้มีกระทรวงไอซีที

ในรอยต่อจากทศวรรษ 2010  ถึง 2020 ดร.ทักษิณ ที่เดินทางไปทั่วโลกตระหนักว่าเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนสังคมและพฤติกรรมมนุษย์อย่างใหญ่หลวงคือวิทยาการด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม  DNA Nudge จึงเป็นความพยายามพัฒนาเทคโนโลยีนี้เป็นสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคในอนาคตอย่างแม่นยำ

ขณะที่นักวิชาการอย่างศาสตราจารย์คริสเห็นว่า DNA Nudge คือการทำให้ห้องแล็บเชื่อมต่อกับเครื่องมืออิเลคทรอนิกส์ที่ทำงานด้วยแอพพลิเคชั่นของผู้ใช้แต่ละคน ดร.ทักษิณ เห็นว่า DNA Nudge วางอยู่บนหลักการเรื่อง  You Are What You Eat หรือการกินอาหารแบบไหนก็สร้างตัวตนของเราแบบนั้นขึ้นมา

ด้วยความตระหนักว่าเทคโนโลยีด้านวิศวกรรมชีวเวชตอนนี้มาถึงจุดที่รหัสทางพันธุกรรมเป็นข้อมูลพื้นฐานด้านสุขภาพของมนุษย์  ดร.ทักษิณจึงคิดถึงDNA Nudge ในฐานะเครื่องมือที่ใช้รหัสพันธุกรรมเป็นเข็มทิศว่าโภชาการแบบใดที่เป็นประโยชน์หรือเป็นโทษ ผู้บริโภคจะได้ตัดสินใจว่าจะกินหรือไม่กินอะไร 

ด้วยวิสัยทัศน์ที่ ดร.ทักษิณ กับศาสตราจารย์คริสมีร่วมกัน ผลลัพธ์ที่ได้คือธุรกิจสตาร์ทอัพเพื่อสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่ทำให้ทุกคนมีข้อมูลด้านรหัสทางพันธุกรรมของตัวเองติดตัวตลอดเวลา, มีฐานข้อมูลว่ารหัสทางพันธุกรรมชี้ว่าควรบริโภคอาหารแบบไหน และอาหารไหนเหมาะหรือเป็นอันตรายต่อร่างกายของเรา

ดร.ทักษิณ อธิบายหลักการของ DNA Nudge ด้วยภาษาที่ทำให้ชาวบ้านเข้าใจง่ายๆ ว่า You Are What You Eat และ “เรากินอาหารเป็นยา ดีกว่ากินยาเป็นอาหาร” หรือขยายความต่อไปก็คือ

“บางทีเรากินตามนิสัย กินเพราะเราชอบ ทั้งที่อาหารแบบนั้นมีปัญหากับดีเอนเอเรา  พอเรากินของที่มีปัญหากับดีเอนเอเรา สุขภาพเราก็ไม่ดีไปด้วย  แต่ถ้าเราทานอาหารที่ถูกต้องตามหลักดีเอนเอ เราก็จะแข็งแรง มีสุขภาพที่ดี”

ขณะที่ศาสตราจารย์คริสเริ่มต้นโครงการ DNA Nudge ด้วยแนวคิดเรื่องบริการสุขภาพที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคแต่ละคน  ดร.ทักษิณกลับตั้งคำถามซึ่งขยับทิศทางโครงการว่ามนุษย์ไม่ได้ต้องการอยู่โรงพยาบาล และสิ่งที่ควรทำจริงๆ คือการสร้างสุขภาพที่ตรงกับโครงสร้างพื้นฐานของแต่ละคน

แม้ DNA Nudge จะคล้ายการแปลงเทคโนโลยีทางการแพทย์เป็นเทคโนโลยีเพื่อการพาณิชย์ แต่สิ่งที่ ดร.ทักษิณ คิดจริงๆ คือการใช้เทคโนโลยีเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมการกินของคนทั้งโลก  เพราะในเมื่อคนรู้ว่าร่างกายตัวเองมีโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะและไม่เหมาะกับอะไร วิธีบริโภคย่อมเปลี่ยนไป

ดร.ทักษิณ อธิบายว่า “DNA Nudge เหมือนเอาห้องแล้บทั้งห้องมาอยู่ในนี้ แล้วถ้าเราเอาน้ำลายหรือกระพุ้งแก้มใส่เข้าไป  มันจะเข้าไปในเครื่องอ่าน พอเครื่องอ่านหมุนก็จะเริ่มทำงาน  จากนั้นการอ่านพันธุกรรมก็จะเริ่มขึ้น อ่านปุ๊บก็รู้ว่าพันธุกรรมในร่างกายเราเป็นอย่างไร แพ้อะไร รู้แม้กระทั่งเรื่องผิวของคน”

“พอเครื่องทำงาน มันจะบอกได้หมดว่าเราแพ้กาแฟ หรือแพ้ไขมัน หรือแพ้น้ำตาล บอกได้แม้กระทั่งเรื่องผิว บอกได้ว่าลักษณะผิวเราเนี่ย ความเสื่อมของ Anti Oxydent เร็วช้าแค่ไหน ผิวพรรณจะเป็นอย่างไร  ถ้าเรายังมีพฤติกรรมแบบนี้ สุขภาพเราเป็นยังไง แล้วเราควรต้องยอมปรับปรุงพฤติกรรมการกินของเรายังไง”

“เครื่องนี้อ่านแล้วเก็บข้อมูลไว้หมด เราจะถ่ายข้อมูลลงในนาฬิกาที่มีแอพของ DNA Nudge ก็ได้ โทรศัพท์ที่มีแอพและข้อมูลก็สามารถอ่านอาหารต่างๆ โดยคำนึงถึงพันธุกรรมเราตลอดเวลา  มันจะแสดงผลหน้าจอว่าเขียวหรือแดง ถ้าเขียวก็กินได้  แต่ถ้าแดงก็ไม่ควรกิน เราก็ไปดูต่อว่าตัวไหนกินได้แทน”

DNA Nudge ผสานวิทยาการด้านวิศวกรรมชีวเวชกับพฤติกรรมศาสตร์อย่าง Nudge Theory เทคโนโลยีการเทียบเคียงข้อมูลด้านพันธุกรรมกับโภชนาการอาหารทำให้ผู้บริโภคมีข้อมูลว่าการบริโภคแบบไหนเหมาะกับตัวเองที่สุด มนุษย์จึงมีทางเลือกในการบริโภคมากขึ้น จากนั้นการเปลี่ยนพฤติกรรมก็จะตามมา

พูดแบบดร.ทักษิณ ก็คือวิทยาการด้านนี้ส่งผลให้ผู้บริโภค “รู้สึกว่าเรามีทางเลือก บางคนชอบกินของบางประเภทนี้ จากนี้จะได้มีข้อมูลว่าบางอย่างเรากินไม่ดีจริงๆ  บางอย่างกินดีเพราะอะไร  นิสัยการกินก็จะเปลี่ยน เราไม่ใช่ว่าต้องไม่กิน หรือเลิกกินเปะปะ แต่คือการค่อยๆ Nudge หรือค่อยๆ เปลี่ยนนิสัย”

“เครื่องนี้จะทำให้เรามี DNA พกติดตัวไปตลอด  แม้กระทั่งจะไปซื้อของให้คนในครอบครัว ก็สามารถเอาข้อมูล DNA ทุกคนมารวมกัน  แล้วบอกว่าอาหารนี้ดีกับพ่อ ผลไม้นี้ดีกับแม่ อันนี้ดีกับลูก อันนี้ใครควรกิน จะได้เลือกอาหารได้ถูกต้องตาม DNA จริงๆ และพอหัดนิสัยตั้งแต่เด็ก โตขึ้นทุกคนก็จะแข็งแรง”

DNA Nudge คือเทคโนโลยีที่มีศักยภาพให้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน  หัวใจของสิ่งประดิษฐ์นี้จึงได้แก่การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์หรือ “วิถีชีวิต” ของผู้บริโภคไปด้วย ดร.ทักษิณ จึงร่วมลงทุนโครงการนี้โดยตระหนักว่าเป็นธุรกิจสตาร์ตอัพที่มีอนาคต และการประกอบการที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็สะท้อนทิศทางนี้จริงๆ

ณ ปัจจุบันนี้ DNA Nudge เปิดร้านเรือธงของตัวเองในโคเวนท์การ์เด้นของอังกฤษ และในปี 2020 จะไปร่วมงานแสดงสินค้าอิเลคทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาอย่าง CES2020 ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการบุกตลาดอเมริกาอย่างเต็มรูปแบบ จากนั้นเอเชียจะเป็นเป้าหมายต่อไป

ด้วยภูมิหลังของ ดร.ทักษิณ ที่เคยประสบความสำเร็จในการมองเห็นอนาคตของเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารและโทรคมนาคมจนสร้างธุรกิจสื่อสารระดับชาติเป็นระดับภูมิภาคมาแล้วในทศวรรษ 2540  DNA Nudge จะเป็นสตาร์ทอัพด้านสุขภาพและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนวิถีชีวิตผู้บริโภาคอย่างกว้างขวางในทศวรรษปัจจุบัน

Share on facebook
Share on twitter