Good Monday EP.12 | เดินหน้าสร้างอนาคตประเทศไทยไปด้วยกัน

Share on facebook
Share on twitter

Highlight

อะไรคือสิ่งที่ทำให้ประเทศกลางทะเลทรายสามารถปลูกต้นไม้ได้ในความแห้งแล้ง ประเทศที่ยากจนข้นแค้นกลับมาพลิกฟื้นจนเติบโตอย่างรวดเร็ว ประเทศเกิดใหม่ที่ล้าหลังกลายเป็นชาติไฮเทคที่พัฒนาแล้ว และประเทศที่อดอยากแม้แต่น้ำกินยังไม่มีกลายเป็นประเทศที่ผู้คนร่ำรวยที่สุด – สิ่งนั้นคือ “ความหวัง”

Transcript

สวัสดีครับท่านผู้ฟังที่เคารพรักครับ พี่น้องชาวไทยทุกท่านครับ

     วันนี้เป็นจันทร์แรกหลังจากที่มีการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมคิดว่าหัวข้อที่น่าสำคัญที่จะเอามาพูดกันหลังจากเราลงคะแนนเสียงกันอย่างท่วมท้นแล้วนะครับ คือออกมาใช้สิทธิ์อย่างมากมายเนี่ย ก็ควรจะเป็นเรื่องของความหวังครับ หรือ Hope สิ่งสุดท้ายที่พระเจ้าจะให้กับทุกคนได้ก็คือความหวัง

     นั่นคือเป็นคำพูดที่พูดกันมาแต่โบร่ำโบราณ เขาบอกว่า

     ‘The last gift that god can give you is hope’

     นั่นก็คือเราต้องมีความหวัง ถ้าเราไม่มีความหวังเนี่ย ทั้งตัวเรา ครอบครัวเรา และบ้านเมืองก็จะไปยาก เพราะฉะนั้นเราต้องมีความหวังกับวันนี้และวันพรุ่งนี้ อดีตมันเป็นความทรงจำที่เราจะไม่ต้องตกเป็นทาสของมัน อย่าเป็นทาสของอดีต

     แต่ว่าอดีตมันเป็นประวัติศาสตร์ที่จะต้องตักเตือนเราสอนเรา แต่ว่าเราต้องอยู่เพื่อวันนี้และวันพรุ่งนี้ เพราะฉะนั้นถ้ามีวันนี้และวันพรุ่งนี้ที่ดีเนี่ยต้องมีความหวัง ทำไมผมถึงเอาตรงนี้มาพูด เพราะผมคิดว่าตลอดชีวิตผมเนี่ยก่อนจะสร้างตัวมา เป็นนักธุรกิจที่ลำบากมา ผมต้องมีความหวังครับ ถ้าไม่มีความหวังมันไปไม่ได้ ก่อนนอนก็ต้องหลับแล้วพยายามคิดว่าพรุ่งนี้เราจะทำอะไร เมื่อเราหลับตื่นมา เราก็มีความสดชื่น ก็มีความหวัง เพราะฉะนั้นผมอยากจะให้กำลังใจกับพี่น้องคนไทยทุกคนว่าขอให้เราอยู่อย่างมีความหวังนะครับ

     ผมยกตัวอย่าง เอาเป็นหลายประเทศก็แล้วกันว่า อย่างประเทศที่อยู่ใจกลางทะเลทรายอย่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ผมไปอาศัยอยู่ในเมืองดูไบนั้นเนี่ย ผมเคยพูดหลายครั้งว่าเขาไม่มีแม่น้ำสักสายเขาไม่มีน้ำ ไม่มีฝน ฝนตกน้อยมาก เมื่อก่อนนี้ตอนผมไปอยู่เนี่ยแทบจะตกประมาณสักปีนึงไม่เกิน 2-3 หน แต่เดี๋ยวนี้ตกมากขึ้น ก็เพราะว่าเขามีความหวังว่าสักวันประเทศเขาจะพ้นจากความเป็นทะเลทราย เขาก็ปลูกต้นไม้ครับ ปลูกต้นไม้ใหญ่เลย และน้ำไม่มีเขาก็ใช้วิธีการที่เรียกว่า Desalinate คือเอาน้ำทะเลมากลั่นเป็นน้ำจืด กลั่นเสร็จเอามาใช้เป็นน้ำบริโภค น้ำใช้ เสร็จแล้วก็พอน้ำทิ้งก็เอาไหลลงท่อ ลงคลอง แล้วเอามาบำบัดเพื่อลดน้ำต้นไม้ แล้วก็ปลูกต้นไม้

     หน้าอากาศดีๆ เนี่ยนะครับเขามีต้นไม้ มีดอกไม้สวยกว่าบ้านเราอีก ทั้งๆ ที่บ้านเราเป็นบ้านที่มีต้นไม้ แต่เราไม่ค่อยได้ใช้ เราไม่ค่อยได้เก็บรักษาต้นไม้ไว้ และไม่ได้ปลูกเพิ่ม ทำให้เขาก็เริ่มมีฝน ในอนาคตข้างหน้าผมบอกได้เลยว่า จำไว้เลยนะครับว่าถ้าผมไม่ตายซะก่อนเนี่ย ก็จะได้เห็นแน่นอน

     อย่างดูไบเองเนี่ยเขาอาจจะปลูกพืชเกษตร ซื้อมาใช้เอง พอใช้เองไม่ต้องนำเข้าก็ได้ นั่นคือเทคโนโลยีมันล้ำหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ แม้กระทั่งเรื่องของการปลูกใน Green House หรือการปลูกโดยการใช้สารใส่ทรายเพื่อไม่ให้มันดูดซึม น้ำมันซึมลงไปในทราย จะสามารถรดน้ำต้นไม้ เลี้ยงต้นไม้ได้ เพราะสิ่งเหล่านี้มันจะเกิดขึ้นแน่นอนถ้าหากว่าเรายังมีความหวังและมีความพยายามที่จะเอาชนะมัน

     เอาแค่อย่างประเทศเอธิโอเปียก็ดี เคนย่าก็ดี กาน่าก็ดีเนี่ย เขาเป็นประเทศกลุ่มยากจนที่มีอุตสาหกรรมการเกษตรเป็นหัวใจสำคัญของประเทศ รายได้ครัวเรือนก็ยังต่ำ แต่ทั้ง 3 ประเทศนั้นพยายามดึงดูดนักลงทุนเข้าไปลงทุนมากขึ้น พวกเขาก็มีโปรแกรมสร้างนักธุรกิจรุ่นใหม่ขึ้นมา และก็พยายามให้คนเหล่านี้หัดทำธุรกิจด้านการเกษตร และก็อาศัยเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามา ก็เป็นความพยายามที่จะต้องต่อสู้เพื่อให้พ้นความยากจน

     ประเทศที่น่าสนใจที่สุดคือประเทศเอสโตเนีย เป็นประเทศสร้างใหม่ จากเคยตกอยู่ภายใต้การปกครองของสหภาพโซเวียตเป็นเวลาเกือบครึ่งศตวรรษประชาชนมีฐานะยากจน โทรศัพท์ยังไม่มีใช้ และก็ทรัพยากรก็ไม่มีนะครับ แต่เขาเปลี่ยนประเทศตัวเองจากประเทศเล็กๆ มาเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูง เป็นประเทศที่มีรายได้สูงขึ้นมา เพราะเขาเน้นไปที่สังคม Digital เขาใช้อินเตอร์เน็ตในยุคอินเตอร์เน็ตเมื่อไม่นานนี้เองนะครับ เมื่อปี 1995 เป็นต้นมา เขาโดดเกาะกระแสอินเตอร์เน็ตทันที เขาให้สิทธิพื้นฐานของชาวบ้านในการใช้อินเตอร์เน็ต ใช้ออนไลน์ทั้งหมดตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายภาษี เป็นการจดทะเบียนบริษัท เป็นการขอใบอนุญาตต่างๆ ทุกอย่างออนไลน์หมดนะครับ คือจนคนเรียกว่าเป็น Silicon Valley แห่งยุโรป พลิกฟื้นเศรษฐกิจจากที่ยากจนมาเป็นประเทศร่ำรวยภายในไม่กี่สิบปีเองนะครับ ประมาณ20 ปี นั่นคือความที่ไม่รู้จักคำว่าสิ้นหวัง

     แต่ว่าอาการไม่สิ้นหวังเนี่ย ต้องดิ้นรนศึกษาว่าอะไรจะดีที่สุดสำหรับชีวิตเรา อะไรที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวเรา อะไรจะดีที่สุดสำหรับประเทศเรานั่นคือสิ่งที่ประเทศที่สำเร็จเขาทำ เอาใกล้ตัวเราที่สุดก็คือสิงคโปร์

     สิงคโปร์เป็นเกาะเล็กๆ ตอนแยกตัวออกมาจากมาเลเซียประมาณปี 1965 นะครับ ตอนนั้นเนี่ยผมอายุ 14-15 ผมก็ไปเที่ยวที่โน่น เป็นนักศึกษาทัศนาจร นั่งรถออกจากเชียงใหม่มาสิงคโปร์แวะมาเรื่อยๆ 6-7 วันกว่าจะถึง ตอนนั้นนะครับ รถไม่มีแอร์ สมัยก่อนก็มาทัศนศึกษาตามโรงเรียน ตอนนั้นสิงคโปร์ยังมีแต่หมู่บ้านชาวประมง ผมไปพักที่วัดอนันทเมตยาราม ตอนช่วงนั้นส้วมเป็นส้วมถังเท ผมว่าคนรุ่นใหม่ปัจจุบันไม่เข้าใจหรอก ส้วมถังเท ก็ไปนั่งยองๆ ถ่ายลงไปในถัง แล้วเขาก็เอาถังไปเททุกวันนั่นแหละ

     ตอนนั้นสิงคโปร์ยังเป็นอย่างนั้น แต่วันนี้สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีรายได้ต่อหัวสูงที่สุดในโลก แล้วก็บางช่วงเขาเนี่ยถูกตัดขาดเรื่องน้ำ เพราะต้องอาศัยน้ำจากมาเลเซีย เขาก็ดิ้นรนด้วยการที่จะเอาน้ำทะเลมาทำน้ำจืด เขาก็ขายต่อพวกชาวเรือทั้งหลายที่มาพัก ก็ขายแพงหน่อย ชาวบ้านก็ใช้น้ำไม่แพงนัก

     ก็เป็นความพยายามที่อยากจะบอกว่า ทุกประเทศหรือทุกครอบครัวหรือทุกคน ตราบใดที่มีความหวังและใฝ่รู้ใฝ่เรียนที่จะหาสิ่งใหม่ๆ เป็นแนวทางใหม่ๆ มาแก้ไขกับชีวิตเราเนี่ย เราประสบความสำเร็จแน่นะครับ อย่ายอมแพ้ ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ เรายอมแพ้ไม่ได้ แม้กระทั่งอย่างที่ท่านลีกวนยูเคยพูดไว้ว่า แม้กระทั่งอยู่ใน dying bed นะครับก็อย่ายอมแพ้

     ก็เด็กเยาวชนหลายคนที่พยายามที่จะใฝ่รู้ใฝ่เรียนและความสนใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ ก็ยกตัวอย่าง อย่าง…เกรตา ธันเบิร์ก​ นี่ก็เป็นเด็กที่ไปกล่าวปิดรายการประชุมตอนโลกร้อนของสหประชาชาติ ด้วยวัยเพียง 15 ปีนะครับ แล้วก็ตอนนี้คือเขาสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นพิเศษ กำลังจะถูกเสนอชื่อรับรางวัล Nobel Prize เป็นคนสวีเดน ให้ความสนใจกับเรื่องโลกร้อนมาก

     ส่วนอีกคนนึง เด็กไทยเรานี่แหละครับ ณัฐนนท์ ดวงสูงเนิน เขาเป็นบล็อกเกอร์ เป็นคนที่สนใจเรื่องของอวกาศ การค้นคว้าด้านอวกาศทั้งหลาย เค้าได้รับรางวัลเป็น Best New Blog จากงาน Thailand Best Blog Awards โดยที่กลุ่มซีพีออลล์เป็นคนจัดขึ้นมา เห็นไหมครับว่า ทุกคนถ้าเอาดี สนใจจริงจังเนี่ย มีโอกาสเกิด มีโอกาสสำเร็จ มีโอกาสดังทุกคนนะครับ

     ผมก็อยากจะให้ความหวังกับทุกคน ไม่รู้ว่าผลจะเป็นยังไงแต่เราต้องมีความหวัง มีความหวังกับตัวเอง มีความหวังกับครอบครัว มีความหวังกับบริษัทตัวเอง มีความหวังกับประเทศ และช่วยกันทำให้ดี เอาให้ชนะสิ่งที่มันเป็นอุปสรรคทั้งหลาย ด้วยสติปัญญา ด้วยกติกานะครับ อย่าไปทำอะไรที่มันไม่ถูกต้อง แล้วเราก็จะประสบความสำเร็จเอง ก็ให้ความหวัง ให้กำลังใจครับเพื่อให้ทุกอย่างได้เข้าไปสู่ภาวะปกติสักที ผมเป็นห่วงประเทศไทย และห่วงคนไทยทุกคนครับ ให้กำลังใจทุกคนครับ วันนี้เอาสั้นๆ แค่นี้นะครับ แล้วพบกันใหม่จันทร์หน้าครับขอบคุณครับ สวัสดีครับ

Share on facebook
Share on twitter